การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ คือ
การพัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของโลกตะวันตกที่เกิดขึ้นในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16 - 18
ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่มีการแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธรรมชาติของโลกและจักรวาล และมีการค้นคว้าทดลอง
ทฤษฎีต่างๆทางวิทยาศาสตร์มากมาย
สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์นั้นมีหลายประการ ตั้งแต่การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ อันเป็นเหตุให้มนุษย์หลุดพ้นจากอิทธิพลการครอบงำของคริสตจักร และมีอิสระทางความคิดมากขึ้น ประกอบกับที่มีการประดิษฐ์คิดค้นวิธีการพิมพ์หนังสือ
ทำให้สามารถพิมพ์ตำราเผยแพร่ความรู้ทางศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ นำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการค้นคว้าและวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกเหนือจากนี้ การสำรวจทางทะเลและการค้นพบดินแดนใหม่ในโลกตะวันออกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา ก็เอื้อให้ชาวตะวันตก มีโอกาสติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้กับคนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรม และทำให้อารยธรรมความรู้จากชาติต่างๆ อาทิ จีน อินเดีย อาหรับและเปอร์เชียเผยแพร่เข้ามาในสังคมตะวันตกมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้องค์ความรู้ขยายขอบเขตกว้างขวางออกไป สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ก็คือกระบวนการค้นหาความจริงอย่างเป็นขั้นตอน
อันนำไปสู่ผลสรุปที่สามารถอธิบายได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ยุคการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์จึงได้ชื่อว่า “ยุคแห่งภูมิธรรม”
หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปผู้ทรงอิทธิพลที่จุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ กาลิเลโอ กาลิเลอี ชาวอิตาเลียน แนวคิดล้ำยุคผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งโลกวิทยาศาสตร์ กาลิเลโอเป็นผู้ค้นพบทฤษฎีความเฉื่อยและการตกของวัตถุ อีกทั้งยังเป็นผู้ประดิษฐ์กล้องดูดาวแบบหักเหแสงได้เป็นคนแรก
การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับดวงดาวและจักรวาลของกาลิเลโอ ช่วยยืนยันทฤษฎีเกี่ยวกับสุริยะจักรวาล ที่มีมาก่อนหน้านี้ของนิโคลัส โคเปอร์นิคัส นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ ที่กล่าวว่าโลกเป็นเพียงดาวดวงหนึ่งในระบบสุริยะจักรวาลที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางว่าถูกต้อง
นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งก็คือ ไอแซค นิวตัน ชาวอังกฤษ
ผู้ค้นพบข้อเท็จจริงที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์หลายสิ่ง จนได้รับสมญานามว่าบิดาของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ทฤษฎีหลักสองทฤษฎีที่นิวตันค้นพบในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 คือ
กฎแรงโน้มถ่วงสากลและกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน นิวตันได้แสดงให้เห็นว่า
การเคลื่อนที่ของวัตถุบนโลกและวัตถุบนท้องฟ้าล้วนอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติชนิดเดียวกัน
โดยแสดงให้เห็นความสอดคล้องระหว่างทฤษฎีการโคจรของดาวเคราะห์ของโจฮันเนส เคปเลอร์ ชาวเยอรมัน กับทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของตน
ผลจากการค้นพบทฤษฎีทั้งสองช่วยยืนยันแนวคิดที่ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางจักรวาล และทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้ว่า
เพราะเหตุใดโลกและดาวเคราะห์จึงหมุนรอบดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์จึงหมุนรอบโลกได้โดยไม่หลุดจากวงโคจร
วมไปถึงอธิบายสาเหตุที่ทำให้วัตถุต่างๆ ตกจากที่สูงลงสู่พื้นดินโดยไม่หลุดลอยไปในอวกาศ ซึ่งช่วยให้การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ยังผลให้ผู้คนในชาติตะวันตกเกิดการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง และสามารถนำความรู้และทฤษฎีใหม่ๆ มาใช้พัฒนาความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆอย่างรวดเร็ว วิทยาศาสตร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม และเป็นสาเหตุผลักดันให้เกิดกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น